หินสี สำหรับปีเกิด หินจักรราศี เพื่อเป็นมงคลแห่งชีวิต
"หิน" ถ้าเป็นสมัยในอดีต อาจจะบอกว่า..แทนความหนักแน่น แต่มาถึงยุคนี้ หิน มีความหมายมากกว่านั้น "หิน" เป็นสัญลักษณ์ของความเป็นมงคล เป็นเสมือนขุมพลังของผู้สวมใส่ ที่วันใดเมื่อเจ้าตัวมีพลังเหลือเฟือ จะส่งไปกักเก็บอยู่ภายในหิน ต่อเมื่อถึงคราวที่อ่อนเปรี้ยะเพลียแรง หรือเครียด พลังจากหินจะส่งกลับมาให้ผู้สวมใส่
นอกจากนี้ยังเชื่อกันว่า พลังจากหินสามารถช่วยบำบัดรักษาโรคได้อีกด้วย โดยบางคนอาจจะมองว่า เพราะคนในยุคนี้ขาดที่พึ่งทางใจ จึงเพียรหาอะไรที่สามารถเป็นที่พักพิงให้กับจิตใจที่กำลังอ่อนแอ สับสนวุ่นวาย หรืออย่างน้อยก็ช่วยสร้างความอุ่นใจให้กับตน และถ้าจะว่ากันตามหลักการ เรื่องนี้ก็มีเหตุผลรองรับอยู่ อย่างในศาสตร์ของจีนโบราณ ก็มีการใช้หินเพื่อการบำบัดโรคมานานแล้ว หรือในอียิปต์โบราณ กรีก และประเทศในเอเชียตะวันออกหลายแห่ง ก็มีหลักฐานแสดงถึงการนำหินมาใช้ในการรักษาโรค โดยมีหลักฐานเก่าแก่ที่กล่าวอ้างถึงการรักษาสุขภาพ ปรากฏอยู่บนกระดาษปาปิรุสของอียิปต์ที่มีอายุราว 1,500 ปีก่อนคริสตกาล โดยเขียนถึงการรักษาอาการเจ็บป่วยต่างๆ ซึ่งหนึ่งในนั้นมีวิธีการใช้หินและรัตนชาติเพื่อการบำบัดอยู่ด้วยรวมทั้งการใช้หินเป็นส่วนประกอบสำคัญ ของเครื่องสำอาง เช่น พระนางคลีโอพัตราที่นิยมนำหินสีเขียวมาบดละเอียดทำเครื่องสำอางเปลือกหิน แต่การจะเลือกซื้อหินชนิดไหน อย่างไรนั้น ก็มีหลักการอยู่เช่นกัน ทั้งนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับชนิดและสีของหินด้วย อาทิ
"หินสีเขียว"เชื่อกันว่านอกจากจะทำให้จิตใจสงบ นอนหลับสบาย ยังช่วยลดระดับ คอเลสเตอรอล
"สีน้ำเงิน" ให้ความสดชื่น ร่าเริง
"สีขาว" ลดความวิตกกังวล ช่วยให้การทำงานของไตมีความสมดุล
"สีแดง" ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิต
"สีเหลือง" เสริมภูมิคุ้มกัน
"สีดำ" ลดอาการเจ็บปวด
ผู้ที่หลงใหลในเสน่ห์ของหินและลูกปัด เล่าให้ฟังว่า หินนั้นถือเป็นสิ่งมีค่ามาแต่สมัยโบราณ และใช้เป็นเครื่องบรรณาการมาแต่อดีต "เวลาที่ฝรั่งพูดถึง "หิน" จะหมายรวมไปถึงเพชรด้วย แต่คนไทยมักจะแบ่งลักษณะความมีค่าเป็นหินรัตนชาติ และความนิยม ซึ่งความนิยมของหินจะขึ้นอยู่กับความเชื่อของแต่ละประเทศ เช่น ประเทศเปรู จะนิยมหินสีดำที่ได้จากพื้นดินที่ดำสนิทเท่านั้น ซึ่งหมายถึงความมั่นคงของประเทศชาติ
ลักษณะของหินที่ว่าจะคล้าย กับหินภูเขาไฟ ยิ่งมีรูพรุน มีการกัดเซาะของน้ำ-ลม ยิ่งสื่อถึงความแข็งแกร่งของวัฒนธรรมของเขา ส่วนใหญ่จะใช้ในการรักษาโรค รวมทั้งเป็นเครื่องประดับ
หรืออย่างในมลรัฐอริโซนา ประเทศสหรัฐอเมริกา จะมองว่าเทอร์คอยซ์เป็นผืนฟ้าของเขา จึงนับถือเป็นที่สุด"
แต่ครั้งโบราณกาล หิน..เป็นสิ่งที่บ่งบอกถึงสถานภาพของผู้สวมใส่ว่าอยู่ในระดับใด อย่างที่ประเทศธิเบต จะมีหินอยู่ 3 ชนิดที่ใครมีไว้ในครอบครอง หมายถึงการเป็นผู้ที่มีสถานภาพทางสังคมที่สูง อย่างน้อยอยู่ในระดับเสนาบดี
หินทั้ง 3 ชนิดนี้ ก็คือ เทอคอยซ์ อำพัน และปะการัง ในวันที่สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก เสด็จมาเยือนประเทศไทย จะเห็นว่าแม้แต่เจ้าหญิงของภูฏานก็จะสวมหินทั้งสามชนิดนี้
ในประเทศไทยเอง เมื่อก่อนก็นิยมเครื่องประดับอัญมณีที่เรียกว่า "นพเก้า" ประกอบด้วย เพชร ทับทิม มรกต บุษราคัม โกเมน นิล มุกดา เพทาย และไพฑูรย์ มาทำเป็นหัวแหวน จี้สร้อยคอ และต่างหู สวมใส่กันเป็นชุดใหญ่
สำหรับ การใช้หินเพื่อการบำบัดเพิ่งจะแพร่หลายกันมาไม่นาน แต่ความเชื่อในด้านโชคลาง สวมใส่เป็นเครื่องประดับแล้วจะส่งเสริมสิริมงคล เสริมอำนาจบารมี หรือปกป้องคุ้มครองนั้นมีมานานแล้ว
การเลือกหินสี ... สำหรับปีเกิด
"ปีขาล" ถูกโฉลกกับ "อะความารีน"
"ปีเถาะ" ถูกโฉลกกับ "มรกต"
"ปี มะโรง" ถูกโฉลกกับ "ทับทิม"
"ปีมะเส็ง" ถูกโฉลกกับ "ควอทซ์"
"ปี มะเมีย" ถูกโฉลกกับ "ซัลไฟร์"
"ปีมะแม" ถูกโฉลกกับ "มุกดาหาร"
"ปี วอก" ถูกโฉลกกับ "ทับทิม หรือ ซิทริน"
"ปีระกา" ถูกโฉลกกับ "โกเมน"
"ปีจอ" ถูกโฉลกกับ "มรกต"
"ปีกุน" ถูกโฉลกกับ "ทับทิม"
ในบรรดาหินทั้งหลาย มีหินหลายชนิดที่มีคุณสมบัติที่เป็นกลาง หมายความว่าเหมาะกับชายก็ได้ หญิงก็ดี ตัวอย่างเช่น ไทเกอร์ อายส์, อาเกต, คาเนเลี่ยน, ลาพีส ลาซูลี่, มาลาไคท์, เทอร์คอยซ์, อำพัน ฯลฯ ถ้า เป็นผู้ชาย ส่วนใหญ่ที่นิยมซื้อหาเป็นของขวัญของฝากจะเป็น "ไทเกอร์ อายส์" เป็นหินที่มีคุณสมบัติในการปกป้อง มีความแกร่งของผู้ชาย โดยเฉพาะคนที่เดินทางบ่อยๆ จะนิยมสวมใส่ไทเกอร์ อายส์ ซึ่งช่วยปกป้องสิ่งเลวร้ายทุกชนิดให้พ้นจากตัว
อีกชนิดคือ "อาเกต" อาเกตเป็นหินที่นิยมนำไปทำเป็นหินธิเบต มีตั้งแต่สีดำเข้ม สีน้ำตาล ไปจนถึงสีใส เสน่ห์ของอาเกตก็คือ ลักษณะลวดลายที่เป็นชั้นๆในเนื้อหิน "อาเกต ป้องกันภยันอันตรายดีมาก ใช้กันผี กันมนต์ดำโดยตรง"
ส่วน "คาร์เนเลี่ยน" มีคุณสมบัติที่ทำให้เลือดลมไหลเวียนดีขึ้น เหมาะสำหรับคนที่มีปัญหาเรื่องความดันโลหิตและโรคหัวใจ
หินอีกชนิด ที่มีคุณสมบัติเป็นกลาง เหมาะทั้งหญิงและชาย คือ "ลาพีส ลาซูลี"
"ลา พีส ลาซูลี" เป็นหินเจ้าพลัง สมัยโบราณเป็นหินที่พระนางคลีโอพัตราใช้บดและนำมาทาเปลือกตา นอกจากนี้ ลาพีส ลาซูลี ยังมีคุณสมบัติในการรักษาโรคที่เกี่ยวกับช่องคอ รักษาเส้นเสียง เจ็บคอ – เจ็บหน้าอก โดยเฉพาะคนที่เป็นหวัดหรือเป็นโรคประจำตัว ซึ่งเชื่อกันว่า..เมื่อสวมใส่ลาพีส ลาซูลี แล้ว อาการเป็นหวัดจะดีขึ้น
"มาลาไคต์" ก็เป็นหินที่มีความเป็นกลางอีกชนิด มีคุณสมบัติแห่งการปกป้อง อาจกล่าวได้ว่า "มาลาไคต์" เป็นหินต้องห้ามของดินแดนไอยคุปต์ ที่พระนางคลีโอพัตราสามารถใช้ได้เพียงพระองค์เดียว โดยใช้บดเป็นส่วนผสมของเครื่องสำอาง สำหรับทาเปลือกตา
สำหรับผู้หญิง หินที่มีความเป็นกลาง ถ้าไม่นับเพชร จะเป็น "โรส ควอทซ์" หินแห่งความรัก ที่แสดงความเป็นอิสตรีอย่างแท้จริง
ในยุคกลางของยุโรป นิยมใช้ "โรส ควอทซ์" เป็นสัญลักษณ์แสดงการเชิดชูเกียรติ โดยนำมาจัดทำเป็นของขวัญ เช่น นาฬิกาแขวน โต๊ะอาหาร และของมีค่าแทนความรัก เนื่องจากมีสีสันเหมือนดอกกุหลาบ เฉดสีชมพูใส หรือสีแดงอมชมพู
"โรโดโค รไซด์" เป็นหินที่แสดงความเป็นครอบครัวที่แข็งแกร่ง หมายถึงความสามัคคี ความมีสัมพันธภาพที่ดี
"อำพัน" เป็นหินอีกชนิดที่เหมาะกับสตรี เชื่อกันว่าเป็นแสงสว่างที่ส่องนำทางชีวิต มีสีตั้งแต่สีเหลืองใส เหลืองทอง ไปจนถึงสีน้ำตาล เป็นหินที่มีคุณสมบัติในการปกป้องคุ้มครองสูงมากอีกชนิดหนึ่ง ใช้เป็นเครื่องรางของขลังได้
คนญี่ปุ่นเชื่อว่าอำพัน สามารถกระตุ้นให้จิตใจเกิดความรู้สึกสดชื่น มีชีวิตชีวา ช่วยผ่อนคลายความตึงเครียด
ทั้งนี้ เรื่องชนิดของหินและสีของหินที่ต้องโฉลกกับแต่ละราศีนั้นถ้าจะว่าไปเป็น เรื่องของ "ความเชื่อ" และเหนือสิ่งอื่นใด คือ ทำให้เกิดความมั่นใจของผู้ที่สวมใส่หินเหล่านั้น เพราะการที่ได้สวมใส่หินที่ตนเองรักและชื่นชอบ ก็จะทำให้รู้สึกดี มีความสุข และมีความมั่นใจมากขึ้นนั่นเองครับ
หิน จักรราศี มงคลแห่งชีวิต
"หิน" นอกจากจะนิยมใส่ตามปีเกิดแล้ว ยังนิยมสวมใส่ตามจักรราศีด้วย ดังนี้
ราศีกุมภ์ (21 มกราคม-18 กุมภาพันธ์) ว่ากันว่าคนราศีนี้รักอิสระ รักพวกพ้อง ชอบคิดและทำอะไรไม่เหมือนชาวบ้าน แต่มีเพื่อนเยอะ ฉะนั้น จึงเหมาะกับ อาเมทีสต์(Amethyst) หรือ พลอยสีม่วง เพราะบ่งบอกถึงหัวใจที่เป็นอิสระ ความจริงใจและความซื่อสัตย์ หรือหากจะใช้ไพลิน หรือ โกเมน ก็สามารถใช้แทนกันได้
ราศีมีน(19 กุมภาพันธ์-20 มีนาคม) อัญมณีที่เหมาะกับราศีนี้ คือ อความารีน (Aquamarine) พลอยที่มีตั้งแต่สีเขียวน้ำทะลจนถึงสีฟ้าเข้ม เป็นอัญมณีที่นำความสมบูรณ์และยิ่งใหญ่ ช่วยให้จิตใจสงบ อ่อนโยน ถือเป็นอัญมณีนำโชคของชาวเรือและชาวทะเล ช่วยบรรเทาอาการเมาคลื่นและอุบัติภัยได้ นอกจากนี้ยังมี อาซูไรต์(Azurite) หินสีน้ำเงินเข้ม เป็นแร่โคบอลต์ ที่มักใช้ในการนั่งสมาธิ ช่วยปลุกพลังแห่งจิตวิญญาณ การรับรู้และการสัมผัสพิเศษ รวมทั้ง..บลัด สโตน(Bloodstone) และอาเมทิสต์ (Amethyst) ที่มีสีม่วงด้วย
ราศีเมษ (21 มีนาคม-20 เมษายน) อัญมณีสำหรับชาวราศีเมษ คือ เพชร สัญลักษณ์แห่งชัยชนะ , ความสำเร็จ ,ความแข็งแกร่ง และยังช่วยกระตุ้นให้เกิดความกล้าหาญ ซึ่งดูแล้วเหมาะกับนักริเริ่ม นักบุกเบิกที่แข็งแกร่งอย่างชาวเมษ นอกจากนี้อาจใช้ไทเกอร์ อายส์, เพทาย พลอยสีใส และพวกควอทซ์ใสทุกชนิด หรือจะเป็น อาเกตขาวก็ใช้ได้
ราศีพฤษก(21 เมษายน-20 พฤษภาคม) คนราศีพฤษภ เหมาะกับพลอยสีเขียว เช่น มรกต สัญลักษณ์ของความมั่นคง ความยั่งยืนเป็นอมตะ หยก ทำให้มีสุขภาพแข็งแรง อายุยืน ค้าขายรุ่งเรือง และ โมราสีเขียว สัญลักษณ์ของทรัพย์สิน ความมั่งคั่งร่ำรวย
ราศีเมถุน(21 พฤษภาคม-20 มิถุนายน) ชาวราศีเมถุนเป็นผู้แคล่วคล่องว่องไว ชอบเจรจา จึงเหมาะกับไข่มุกและมุกดาหาร ซึ่งเชื่อกันว่า..จะสามารถกระตุ้นพลังงานและเพิ่มความมีชีวิตชีวาให้กับผู้สวมใส่ นอกจากนี้อัญมณีสีขาวซีดหรือขาวขุ่น ก็ยังเป็นอัญมณีประจำราศีเมถุนเช่นกัน อาทิ มูนสโตน เป็นต้น
ราศีกรกฎ(21 มิถุนายน-20 กรกฎาคม) อัญมณีของ ชาวกรกฎ เป็นอัญมณีสีขาวและสีเงิน เพราะฉะนั้น..ไข่มุก จึงเหมาะกับชาวราศีกรกฏ ที่จะช่วยเสริมสง่าราศี และเป็นสัญลักษณ์ของความอ่อนโยน การปกป้อง , มุกดาหาร หินสีขาวใสถึงขุ่น ผิวเรียบเนียน มันวาว แสงสะท้อนจะดูนวลตา เชื่อกันว่า..เป็นหินที่ช่วยให้รับความรู้สึกต่างๆได้ดีขึ้นโดยเฉพาะความรัก ความอ่อนโยน ความสงบหรือ เทอร์คอยซ์ และ พลอยสีเขียวขุ่น ก็ใช้ได้เช่นกัน
ราศีสิงห์(21 กรกฎาคม-20 สิงหาคม) อัญมณี สีเขียวใส หรือ เพอริโดต์(Peridot) คืออัญมณีประจำราศีสิงห์ เป็นอัญมณีที่มีพลังแห่งดวงอาทิตย์แฝงอยู่ จึงสามารถขับไล่วิญญาณของภูตผีปีศาจได้ ทำให้ผู้สวมใส่มีอำนาจบารมียิ่งใหญ่ จึงเหมาะกับชาวราศีสิงห์ แต่เพราะเพอริโดต์ เป็นพลอยที่มีความแข็งไม่มาก จึงเกิดรอยขีดข่วนได้ง่าย แต่ถ้าหากต้องการอัญมณีที่มีความแข็งมากกว่านี้ ก็ใช้ ไพฑูรย์ตาแมว ทับทิม ก็ถือเป็นอัญมณีของราศีนี้ได้เช่นกัน ถือเป็นเครื่องรางเพิ่มความกล้าหาญและความสง่างาม
ราศีกันย์(21 สิงหาคม-22 กันยายน) แจสเปอร์ ถือว่าเป็นอัญมณีที่สื่อถึงลักษณะของชาวราศีกันย์ได้ชัดเจนมาก เพราะใช้ในการรักษาความปลอดภัย และการดิ้นรนอยู่รอด ทำให้ผู้สวมใส่มีหลักการในการดำรงชีวิตอย่างเรียบง่าย หรือใช้เป็นโรส ควอทซ์ และ คาเนเลี่ยน ก็ได้เช่นกัน
ราศีตุลย์ (23 กันยายน-20 ตุลาคม) คนรักสงบ ประนีประนอมของชาวราศีตุลย์ เหมาะกับ โอปอล ซึ่งหมายถึง ความสุขและความสมหวัง สามารถนำความรักและความสุขมาให้กับผู้สวมใส่ โดยเฉพาะโอปอลสีเข้ม หรือ แบล็กโอปอล นอกจากนี้ เลพิโดไลท์ หินสีชมพูออกม่วง สำหรับผู้ที่ปัญหาด้านความรัก อกหักรักคุด ช่วยให้เปิดกว้างรับสิ่งดีๆเข้าสู่จิตใจได้
ราศีพิจิก(21 ตุลาคม-20 พฤศจิกายน) เพราะชาวพิจิก เป็นผู้มีความห้าวหาญ เด็ดเดี่ยว มุทะลุดุดัน จึงสมควรคู่กับอัญมณีประเภท บุษราคัม ทับทิม รวมทั้ง ซิทริน หรือ คริสตัลเหลือง เพื่อช่วยเพิ่มความกระปรี้กระเปร่า ให้กำลังใจและสร้างความเชื่อมั่น อีกทั้งยังช่วยในการตัดสินใจเมื่อต้องเสี่ยงหรือต้องเลือกสิ่งใดสิ่งหนึ่ง
ราศีธนู (21 พฤศจิกายน-20 ธันวาคม) เทอร์คอยซ์ หินสีเขียวน้ำทะเล และเพทายสีฟ้า คือ อัญมณีของราศีนี้ หมายถึงความร่ำรวยและความมั่งคั่ง เทอร์คอยส์ยังมีคุณสมบัติด้านความรักความเมตตา และช่วยเสริมสร้างสติปัญญาอีกด้วย
ราศีมังกร (21 ธันวาคม-20 มกราคม) คนราศีมังกร จะเป็นคนจริงจัง เป็นคนมีระเบียบแบบแผน แต่ก็มักจะวิตกกังวลอะไรต่อมิอะไรอยู่บ่อยๆ จึงส่งผลเสียต่อสุขภาพ และมักจะเจ็บป่วยเล็กๆน้อยอยู่เสมอ เช่น ปวดข้อ ปวดเข่า ปวดหลัง อัญมณีที่เหมาะก็คือ โกเมน เพราะจะช่วยให้ผู้สวมใส่มีสุขภาพที่ดี หรือถ้าจะเป็นเพชร ก็ใช้ได้เช่นกัน